Bangpakok Hospital

“มะเร็งปอด” ไม่สูบบุหรี่… ก็ยังเสี่ยงได้! เพราะปัจจัยเสี่ยงไม่ได้มีแค่ควันบุหรี่เท่านั้น

9 มิ.ย. 2568



มะเร็งปอด คือ หนึ่งในโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยและมีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุดในประเทศไทยและทั่วโลก โดยในประเทศไทย มะเร็งปอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 รองจากมะเร็งตับและท่อน้ำดี ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมาพบแพทย์เมื่อเข้าสู่ระยะลุกลาม ส่งผลให้การรักษาได้ผลน้อยลง

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งปอด

  1. การสูบบุหรี่ – เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่มาเป็นเวลานาน

  2. การได้รับควันบุหรี่มือสอง (Passive Smoking) – ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่แต่สูดดมควันจากผู้สูบเป็นประจำก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

  3. การสัมผัสสารเคมีหรือมลภาวะ – เช่น แร่ใยหิน (Asbestos), เรดอน, ฝุ่นควัน, ไอเสีย, สารพิษในโรงงาน

  4. โรคปอดเรื้อรัง – เช่น วัณโรค ถุงลมโป่งพอง

  5. พันธุกรรมหรือประวัติคนในครอบครัว – หากมีญาติสายตรงเคยเป็นมะเร็งปอด

  6. มลภาวะทางอากาศ – โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงเป็นประจำ


อาการของมะเร็งปอด

ในระยะแรกของโรค อาจไม่มีอาการแสดงชัดเจน แต่เมื่อโรคลุกลามมากขึ้น ผู้ป่วยอาจมีอาการต่อไปนี้:

  • ไอเรื้อรังนานหลายสัปดาห์

  • ไอเป็นเลือด หรือมีเสมหะปนเลือด

  • หายใจลำบาก หรือเจ็บหน้าอก

  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียเรื้อรัง

  • เบื่ออาหาร

  • เสียงแหบ

  • มีไข้ต่ำ ๆ หรืออักเสบซ้ำ ๆ ของทางเดินหายใจ



การวินิจฉัยโรคมะเร็งปอด

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยใช้วิธีต่าง ๆ เช่น:

  • เอกซเรย์ปอด (Chest X-ray)

  • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)

  • การส่องกล้องหลอดลม (Bronchoscopy)

  • การเจาะตรวจชิ้นเนื้อปอด (Biopsy)

  • การตรวจสารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor Markers) เช่น CEA, NSE เป็นต้น


.

การรักษามะเร็งปอด

แนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง, ระยะของโรค, สุขภาพของผู้ป่วย และปัจจัยอื่น ๆ โดยแนวทางหลัก ได้แก่:

  • การผ่าตัด (ในระยะเริ่มต้น)

  • เคมีบำบัด (Chemotherapy)

  • การฉายรังสี (Radiation Therapy)

  • ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) และ

  • ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)


แนวทางการป้องกันมะเร็งปอด

การป้องกันเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยสามารถทำได้ดังนี้:

  1. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และเลิกสูบโดยเด็ดขาด

  2. หลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสอง

  3. สวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่เสี่ยงฝุ่นหรือมลพิษสูง

  4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมี/สารพิษ

  5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีสารต้านอนุมูลอิสระ

  6. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ

  7. ตรวจสุขภาพและเอกซเรย์ปอดประจำปี โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง

สรุป

แม้ว่า “มะเร็งปอด” จะเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนจำนวนมาก แต่ก็สามารถป้องกันได้ หากเราดูแลสุขภาพและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงอย่างถูกต้อง ที่สำคัญคือ “อย่ารอให้มีอาการ” การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้พบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งมีโอกาสรักษาหายได้สูงกว่ามาก

Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.